ที่จังหวัดแพร่ ณ ตำบลห้วยม้าแห่งนี้ จะช่วยยืดเวลาให้กับชีวิตเราได้สัมผัสกับศิลปะและความงามแบบสโลว์ไลฟ์ของคนเมือง
ในวิถีชีวิตของคนเมืองแพร่ ภูมิปัญญาท้องถิ่นถือเป็นสิ่งที่คนรุ่นเก่าให้ความสำคัญและพยายามปลูกฝังไว้ในบทเรียนของเด็กๆ อยู่เสมอ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดเจน คือ บทเรียนที่เกี่ยวกับเรื่องของ ‘ผ้าหม้อฮ่อม’ ที่ปรากฏในหมวดวิชางานบ้านงานประดิษฐ์ของเด็กมัธยมต้น คุณครูประจำวิชามักจะให้นักเรียนจับกลุ่มกันเพื่อไปศึกษาในชุมชนแหล่งย้อมฮ่อม พร้อมกับลงมือปฏิบัติชิ้นงานจริง เพื่อให้นักเรียนนำความรู้ ความเข้าใจ และผลงานที่ช่วยกันสร้างสรรค์ในกลุ่มมานำเสนอหน้าชั้นเรียน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงกระบวนการเรียนรู้ที่อยู่ในช่วงเวลาหนึ่งของบทเรียนเท่านั้น จะมีเด็กนักเรียนในวัยนั้นสักกี่คนกัน ที่สามารถเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้เรื่องภูมิปัญญาการทำผ้าหม้อฮ่อมโดยไม่ทำไปตามหน้าที่และสามารถนำมาต่อยอดในชีวิตจริงได้ …
วันนี้นักเรียนส่วนหนึ่งที่เติบโตมาจากชั้นเรียนในวันนั้น กำลังโหยหาและหวนนึกถึงชั่วโมงของการเรียนวิชางานบ้านงานประดิษฐ์ เพราะการได้พยายามลงมือทำบางอย่างให้สำเร็จด้วยมือตัวเอง กลายเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายได้ในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้าและอยากพักผ่อน ถึงแม้จะไม่มีชั้นเรียนอย่างวันวาน แต่การเข้าถึงงานฝีมือและภูมิปัญญาท้องถิ่นกลับง่ายกว่านั้น เมื่อมันถูกผสานเข้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่ตามวิถีของคนเมือง อย่างการสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบ ‘เวิร์คชอป’ ที่ผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของร้านกาแฟเล็กๆ ในชุมชนนอกตัวเมืองแพร่อย่างตำบลห้วยม้า จนกลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในที่สุด
‘บ้านมัดใจ’ แห่งนี้ อาจเปรียบได้กับห้องเรียนวิชาชีพอีกห้องหนึ่ง ที่สามารถนำพาเราไปสัมผัสกับงานประดิษฐ์และงานศิลปะได้อีกครั้ง โดยมีคุณครูปรางเป็นผู้สอนวิชา ‘มัดย้อม’ และ คุณครูปลายเป็นผู้สอนวิชา ‘ปั้นเซรามิก’ สองสาวคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักในงานศิลปะและเลือกทำงานที่รักในบ้านตนเอง เมื่อมาถึงที่นี่ แขกหรือนักท่องเที่ยวที่จองชั่วโมงทำเวิร์คชอปไว้ สามารถเลือกเรียนรู้ได้ตั้งแต่การรู้จักกับใบฮ่อม พืชที่ให้สีน้ำเงินเข้มตามธรรมชาติ การปลูกฮ่อม การก่อหม้อ ไปจนถึงการเรียนรู้การใช้วัสดุต่างๆ ร่วมกับการมัดเพื่อให้ผ้าเกิดลวดลายต่างๆ หลังการย้อม ซึ่งผ้าแต่ละผืนที่ทำออกมาก็จะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการมัดของแต่ละคน และก็ไม่ได้มีเพียงการย้อมผ้าเท่านั้นที่ ‘ฮ่อม’ ถูกนำไปใช้เพื่อสร้างสีสัน เพราะสีน้ำเงินจากธรรมชาติเหล่านี้ ยังสามารถนำไปใช้เพื่อตกแต่งเซรามิกได้อีกด้วย โดยความพิเศษของสีธรรมชาตินี้ คือ มันสามารถทนต่อความร้อนสูงของเตาเผาได้ ดังนั้นสีที่เราระบายตกแต่งเอาไว้บนดินที่ถูกปั้นก่อนนำไปเผาก็จะยังคงอยู่ ไม่ละลายหายไปไหน
นอกจากกิจกรรมทำผ้ามัดย้อมและปั้นเซรามิกที่ทำให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับบ้านมัดใจในช่วงเวลาสั้นๆ แล้ว ที่นี่ยังมีสโตร์เล็กๆ ไว้จำหน่ายเสื้อผ้าของร้านเองอีกด้วย และใช้ชื่อแบรนด์ที่คล้องจองพอเหมาะพอดีกับชื่อของร้านว่า ‘ด้ายมัดใจ’ (Daimatjai) ซึ่งสินค้าภายในร้านก็มีทั้งเสื้อผ้ามัดย้อม ผ้าลินินปักลวดลายน่ารักๆ และเครื่องประดับสไตล์มินิมิมอล ให้สาวๆ ที่ชื่นชอบในการแต่งตัวได้เลือกสรรและซื้อกลับไปสวมใส่ตามสไตล์ของตัวเอง
แม้บ้านมัดใจจะเพิ่งเปิดได้ไม่นานและเป็นเพียงร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในชุมชน แต่ด้วยความใส่ใจที่จะมอบความรู้และความสุขให้กับผู้มาเยือน ที่นี่จึงกลายเป็นเสมือนพื้นที่เชื่อมโยงและส่งต่อภูมิปัญญาของชาวแพร่ออกไปสู่หัวใจของผู้คนมากมาย นับเป็นการผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมเข้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่ได้อย่างเป็นลงตัว
ใครที่สนใจกิจกรรมเวิร์คชอปและอยากเติมเต็มช่วงเวลาของการพักผ่อนด้วยการสร้างผลงานแนวศิลปะไว้เป็นของตัวเองสักชิ้นสองชิ้น ลองมาทำผ้ามัดย้อมหรือเซรามิกที่บ้านมัดใจดูสักครั้ง ที่นี่ยินดีมอบความรู้และประสบการณ์ดีดีให้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์)
โทรศัพท์สอบถามวันและเวลาในการร่วมเวิร์คชอป 095-4930909 และติดตามเพจบ้านมัดใจทาง Facebook : บ้านมัดใจ Banmatjai homemade & cafe
