ในเดือนที่ร้อนที่สุดของปี 99.17 % คือโอกาสที่เราจะพบกับแสงแดดแสบๆ แผดเผาและความอบอ้าว หากโชคดีที่พระอาทิตย์จะพอขี้เกียจบ้าง เราก็จะได้เจอสายลมเอื่อยๆ เบาๆ คล้ายเครื่องปรับอากาศน้ำยาหมด ซึ่งอาจจะเป็นวันนี้ อยู่ๆ ท้องฟ้าก็มีเมฆครึ้มทำบรรยากาศโดยรอบหม่นๆ ราวกับรู้ว่า หญิงสาวคนที่เรานัดเจอ เธอเป็นธิดาพยากรณ์ที่สามารถเรียกบรรยากาศความคลุมเครือเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ได้
แม้องค์การนาซ่าจะไม่ได้ระบุชื่อ ‘ป่าน’ – ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์ ในฐานะนักเขียนสาวผู้เดินทางไป-กลับ ระหว่างโลก-ดวงจันทร์ และคิดค้นวิธีลงจอดยานสำรวจดวงจันทร์ได้เร็วที่สุด ผ่านตัวอักษรในทุกๆ ตีสามที่นอนไม่หลับ แต่แฟนคลับอย่างเรารู้และเข้าใจดี ยิ่งเมื่อได้รู้จักกับหนังสือ 5 เล่มของเธอ เราก็ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมเธอคนนี้ยอมรับและกล้าประกาศตัวว่า ‘ฉันสิคนบ้า’ ก็ไม่เห็นจะแปลก เมื่อโลกที่อยู่มัน weird มากพอแล้ว ใครอยากจะตีมึนความสัมพันธ์ทุกระดับประทับใจแค่ไหน ขอเชิญขึ้นไปบนดวงจันทร์ที่ประตูทางออกหมายเลข 3
ALL YOU READ IS LOVE
จริงๆ ตอนเด็กเราจำไม่ได้ว่าเลือกอ่านอย่างไร สมัยนั้นพ่อจะพาเราเข้าร้านหนังสือบ่อยมาก ท่านไม่เคยจำกัดงบประมาณ ประเภทและเนื้อหาหนังสือเลย เราจึงเลือกหยิบเยอะมากๆ ถึงขนาดที่จำได้ว่าหนังสือเล่มไหนออกใหม่บ้าง และเราก็จะพลิกอ่านคำนำก่อน ทุกวันนี้ก็ยังเลือกหนังสือจากการพลิกดูคำนำก่อนนะ แต่เราจะเลือกเล่มที่เราคิดว่าเราจะชอบมันจริงๆ ไม่ได้เลือกไปหมดทุกเล่มแบบตอนเด็กแล้ว ซึ่งเหตุผลที่เราชอบอ่านคำนำสำนักพิมพ์ก่อน ก็เพราะเราอยากรู้บรรณาธิการมองเรื่องนี้อย่างไร ถึงได้หยิบเรื่องนี้มาตีพิมพ์ให้พวกเราอ่าน ซึ่งในบางสำนักพิมพ์เราก็จะได้พอรู้จักคาแรกเตอร์ไปด้วย เหมือนเป็นรีวิวชิ้นแรกๆ ของหนังสือ”

“กับการทำงานเขียนแล้ว เวลาเราอ่านงานของใครเยอะๆ เรากลัวว่าเราจะติดภาษาสำนวนเขาอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นช่วงที่เราจะเขียนหนังสือ เราจะเว้นจากการอ่านแต่จะหันไปดูหนัง ฟังเพลง หรือฟังเรื่องราวอื่นๆ ที่อยู่แวดล้อมตัวเรา ซึ่งทุกวันนี้มีอะไรมากมายไหลเวียนรอบตัวเรา เราก็เลือกจับเรื่องที่เราสนใจ ในแง่หนึ่งการอ่านก็เพิ่มข้อมูลในชีวิตเราแหละ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม บางคนอาจจะได้อารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง อ่านจบแล้วอาจจะรู้สึกโตขึ้นนิดนึง มุมมองบางอย่างหรือแง่คิดอีกด้านต่อสังคม” ก่อนจะมาถึงคำถามเรื่องการอ่านและความสัมพันธ์ ป่านก็แทบจะตอบในทันทีเลยว่า “กับการทำความรู้จักกับใครสักคน การมีหนังสือสักเล่มที่เคยอ่านเหมือนกัน มันก็เพิ่มบทสนทนาได้มากขึ้น ทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น เขาเองก็รู้จักเรามากขึ้น ไม่ว่าสุดท้ายจะลงเอยด้วยการประทับใจกันหรือไม่ประทับใจก็ตาม”
งูร้องไห้ดอกไม้ยิ้ม โดย สุวรรณี สุคนธา
“คนส่วนมากจะรู้จักงานเขียนของคุณสุวรรณี สุคนธา จากนิยายดัง อย่าง เก้าอี้ขาวในห้องแดง หรือ น้ำพุ สำหรับเล่มนี้เป็นรวมเรื่องสั้นที่อ่านแล้วเราคิดว่าเขามีความคล้ายเราบางอย่าง ทั้งวิธีการการหยิบเรื่องราวชีวิตในต่างจังหวัด ชีวิตในกรุงเทพและเรื่องใกล้ตัวมาเล่า และทั้งรสนิยมบางอย่างที่ถูกจริต อารมณ์ของผู้หญิงที่เราอ่านแล้วรู้เลยว่ามีอะไรบางอย่างปั่นป่วนมากมาย มีจริตจะก้านเจ้าชู้หน่อยๆ แต่มีความหนักอึ้งอยู่ข้างใน เช่น เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ยอมกลับบ้าน อยากไปจิบจินโทนิกก่อน เอาดอกกุหลาบมาทัดหูและมองผู้ชายเบาๆ แต่ก็มีลูกรออยู่ที่บ้าน เป็นส่วนผสมที่กลมกลืนระหว่างความจริง ความเพ้อฝัน ความรัก ความสัมพันธ์ที่กลมกล่อม
มีทั้งเรื่องที่พูดถึงท้องนาและร้านอาหารหรู การจิบไวน์ยามบ่ายที่บ้านนักเขียนสักคน เราอ่านไปก็เดาไปด้วยว่าใช่ใครสักในชีวิตผู้เขียนที่เคยรู้จักไหม บางเรื่องก็เขียนถึงตัวเอง หรือในบางเรื่องที่เรารู้สึกเชื่อมโยง มีเรื่องหนึ่งที่เขาอยากฆ่าคนด้วยความเครียดแค้นบางอย่าง ซึ่งเราเองก็รู้สึกแบบนั้นเป็นต้น และเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่หวือหวาหรือรวดร้าวขนาดนั้น แต่มันมีความร่วมสมัยอยู่มากๆ ความคลุมเครือบางอย่าง ความค่อยๆ เฟดจากกันไป เรารู้สึกว่าเป็นผู้หญิงในจริตที่เราชอบมาก คือแม่มากๆ”
“ความประณีตที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมาเพื่อประโลมใจมนุษย์ที่เปลี่ยนความคิด เราเอากลีบที่เหลือสีแดงเข้มสองกลีบขยี้แหลกระหว่างนิ้ว มันกลายสภาพจากกลีบระเหิดระหงมาเป็นก้อนสีแดงเละเหมือนเมือกคราบเลือดกลั่งติดที่นิ้วของเรา” – งูร้องไห้ดอกไม้ยิ้ม, สุวรรณี สุคนธา
visual ดีมาก เราชอบจริตอะไรพวกนี้ของเขา ชอบที่บรรยายดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งมีกลีบเลี้ยงดอกเฟื่องฟ้าที่เหมือนจะห่อเกสรไว้แต่ห่อแบบไม่เต็มใจ ซึ่งมันใช่
สำนักพิมพ์: ฟรีฟอร์ม จำนวนหน้า: 348 หน้า ราคา: 320 บาท หาซื้อได้ที่: ร้านหนังสือทั่วไป
ค่ำคืนนี้ โดย เอคุนิ คาโอริ (ผู้แปล: น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ)
“เรื่องสั้นของนักเขียนหญิงชาวญี่ปุ่น ที่เล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงง่ายๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพฟิล์มญี่ปุ่นอยู่ มันจะมีคาแรกเตอร์บางอย่าง มี magical realisim ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มา บางเรื่องก็อบอุ่นอย่างเรื่องเด็กที่ไม่ยอมเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อน บางเรื่องก็เป็นเรื่องความรักที่เจ็บปวดแต่ก็มีความสุขอย่างเรื่องของเด็ก 7 ขวบ ที่หลงรักกับพระญี่ปุ่นอายุ 19 ปี ซึ่งไม่ได้เล่าในเชิงศีลธรรมจรรยาแบบนั้น มีกรอบสังคมบางอย่างที่ครอบไว้ และสุดท้ายภาพที่ออกมากลายเป็นเหมือนภาพฝัน ผู้หญิงกลายเป็นนกสีขาวปากสีแดง ส่วนผู้ชายนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาทบทวนความผิดของตัวเองจนมีต้นไม้ออกจากหัว เป็นต้นไม้ดอกสีน้ำเงินที่ซึบซับเสียงรอบตัวเอาไว้ ต่อมาเวลาผ่านไป 1 ปี นกตัวนั้นก็กลับมาที่ต้นไม้อีก แต่ร่างพระคนนั้นก็ผอมแห้งเหลือแต่กระดูกไปแล้ว”
“ตามที่แม่เล่า คุสะโนะโจเป็นซามูไรของแท้ไม่แปลกปลอม และก็เป็นผีแท้ๆ ไม่แปลกปลอม เขาหลงรักแม่ตั้งแต่แรกพบ ตอนนั้นแม่ยังเป็นดาราหน้าใหม่ รับบทตัวประกอบเล็กๆ ในละครเวทีย้อนยุค มีบทพูดเพียงประโยคเดียว แต่บทพูดว่า ‘น่าสงสารจริงนะ’ เพียงประโยคเดียวนั้นเองโดนใจคุสะโนะโจซึ่งชมการแสดงอยู่ในอีกภพหนึ่งอย่างจัง อดใจไม่ไหวต้องเดินทางมายังโลกนี้ในที่สุด เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทั้งคู่ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ผลคือทำให้ผมเกิดขึ้นมา” – ค่ำคืนนี้, เอคุนิ คาโอริ
: มาจากเรื่องสั้นเรื่องที่เราชอบ เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นแม่ตัวเองชอบเอาของไปเซ่นอะไรบางอย่างเป็นประจำทุกปี น้ำเสียงมันธรรมดามากนะ แต่ภาพ weird มาก จริตญี่ปุ่นมากๆ
สำนักพิมพ์: JBOOK จำนวนหน้า: 132 หน้า ราคา: 135 บาท หาซื้อได้ที่: ร้านหนังสือทั่วไป
หญิงสาวผู้ฝันถึงกวี และเรื่องสั้นอื่นๆ An Imaginative Woman and Other Stories โดย โธมัส ฮาร์ดี้ (ผู้แปล: ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล)
“ในยุคนั้นมีแนวคิดว่าผู้หญิงต้องเป็นนางฟ้าในบ้าน ซึ่งมีที่มาจากพระราชินีวิกตอเรียผู้เป็นผู้หญิงในอุดมคติ โดยตัวละครในเรื่องสั้นทั้ง 3 เรื่องนี้ ไม่มีภาพอย่างในอุดมคตินั้นเลย ด้วยลักษณะการตัดสินใจของตัวละครที่ร่วมสมัยเหมือนผู้หญิง weird ในยุคนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีกรอบและบริบทสังคมตามแบบฉบับยุคนั้นจริงๆ อ่านแล้วให้ภาพคล้ายๆ กำลังอ่านนิทาน มีมนตร์ดำ มีแม่มด ไปตามหาหมอผี แต่ให้ควาเพลิดเพลินในแง่ที่ได้เห็นผู้ชายทำตัวเป็นพระเจ้าที่ใจดีกับผู้หญิงมากๆ ไหนจะชะตากรรมตัวละครที่ทำให้รู้สึกร้อง What the f*** ตลอดเวลา เช่น ครูสาวคนหนึ่งที่ต้องเดินทางไปแต่งงานกับชายแก่ ระหว่างทางเจอชายคนรักเก่า ก็เลยแวะแต่งงานกับคนรักเก่า ต่อมาคนรักเก่าดันไปว่ายน้ำและจมน้ำตาย เลยต้องเดินทางไปแต่งงานกับคนแก่ ระหว่างมาฮันนีมูน ซึ่งห้องพักข้างๆ เป็นห้องเก็บศพคนรักเก่าที่จมน้ำตาย
มันไม่ได้โดดเด่นด้วย inner conflict แบบตัวละครหญิงสาวยุคนี้ แต่มันเป็น outer conflict และสิ่งแวดล้อมที่ต้องเจอซึ่งหนักไม่น้อย มันทำให้เราอึดอัดตามไปด้วยมากๆ ซึ่งหมายความว่าเขามองเห็นความอึดอัดนี้ของผู้หญิงยุคนั้นจริงๆ จึงถ่ายทอดออกมาได้ เป็นหนังสือที่เราอ่านจบแล้วเรารีบไปเสิร์จหาเรื่องราวประวัติศาสตร์ยุคนั้นทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น สังคมหญิงชายเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั้งเรื่องการแต่งกายในยุคนั้นเพื่อจะได้อินตามไปด้วย
“บัดนี้เธออายุยี่สิบห้า แต่ดูแก่กว่าวัย ‘หกปีของชีวิตแต่งงานกับเพียงไม่กี่เดือนของชีวิตรัก’ บางเวลาเธอจะรำพึงกับตัวเองเช่นนี้ พลันก็คิดถึงต้นตอที่เห็นอยู่ตำตา และอดชำเลืองมองแขนของตัวเองด้วยความเศร้าสลดไม่ได้ ‘ถ้าเพียงแต่ฉันเป็นเหมือนเมื่อตอนแรกที่เขาเจอฉันอีกครั้ง!” – หญิงสาวผู้ฝันถึงกวี และเรื่องสั้นอื่นๆ, โธมัส ฮาร์ดี้
ในหนังสือมีส่วนที่เขียนอธิบายตัวละครและอธิบายผู้เขียนอยู่บ้าง เพื่อให้เราเข้าใจบริบทของเรื่องแต่ละเรื่องมากขึ้น อย่างเรื่องการแต่งงานนี้ ซึ่งผู้เขียนมีชีวิตแต่งงานอยู่กับเมียจนแก่นะ แต่เหมือนเขาไม่ได้เชื่อในชีวิตการแต่งงานที่ใครบางคนต้องมาติดอยู่ด้วยกันชั่วชีวิต เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการที่จะอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่เดือน”
สำนักพิมพ์: สมมติ จำนวนหน้า: 176 หน้า ราคา: 150 บาท หาซื้อได้ที่: ร้านหนังสือทั่วไป
โลกเร้นลับของกลิ่นหอม Fragrant: The Secret Life of Scent โดย แมนดี อาฟเทล (ผู้แปล: พลอยแสง เอกญาติ)
“เล่มนี้เพิ่งซื้อมา เราชอบเรื่องของน้ำหอมหรือกลิ่นหอมอยู่แล้ว พออ่านเล่มนี้ก็เหมือนได้รวบตึงความรู้อย่างเพลินๆ เพราะวิธีการเล่าไม่ได้เล่าเชิงสารคดีหรือข้อมูลจ๋าขนาดนั้น แต่เล่าผ่านเกล็ดสนุกๆ จาก 5 วัตถุดิบที่ผู้เขียนเลือกหยิบมาเป็นตัวแทนกลิ่นหอมต่างๆ จริงๆ กลิ่นหอมอาจจะเป็นสิ่งที่คนจะใส่ใจเป็นลำดับท้ายๆ เมื่อเทียบลำดับสุนทรียะอื่นๆ รอบตัว ซึ่งอารยธรรมคนเรามันก็เริ่มจากเขาตามกลิ่นเครื่องเทศจากโลกตะวันออกไปถึงโลกตะวันตก มีส่วนของ civilization
“ความขลังของชื่อมีอิทธิพลมากกว่าความเป็นจริง ตั้งแต่ไอศกรีม ‘เฟรนช์วานิลลา’ ไปจนถึงสิ่งทอสังเคราะห์ชื่อ ‘คีอานา’ ซึ่งฟังแปลกหู หรือ ‘แคชเมเรียน’ ซึ่งเป็นชื่อหรูหราที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อใช้เรียกวัตถุดิบกลิ่นหอมชนิดหนึ่ง เป็นต้น ชื่อแปลกใหม่และฟังดูต่างถิ่นที่ยังคงยืนหยัดยาวนานเหล่านี้เป็นบทพิสูจน์ถึงปรารถนาอันคงทนของมนุษย์ โดยไม่สนใจว่าถ้อยคำพรรณาของนักโฆษณากับสสารของจริงจะเกี่ยวพันกันน้อยนิดเพียงใดก็ตาม เรายังคงหลงใหลไอศกรีมเฟรนช์วานิลลาหรือน้ำหอมกลิ่นมะกรูดอิตาลีสังเคราะห์ ทั้งที่ความจริงของเหล่านี้ผลิตจากโรงงานในนิวเจอร์ซีย์นี่เอง” – โลกเร้นลับของกลิ่นหอม, แมนดี อาฟเทล
“เราชอบวิธีอธิบายกลิ่นเขาในแต่ละตอน ทำให้เราฉุกคิดถึงกลิ่นที่อยู่รอบตัวและมันสำคัญกับชีวิต โดยที่เราไม่เคยมองมุมนี้มาก่อน เรื่องนี้ดูเหมือนเหมือนจะเป็นเรื่องจริตของคนฉีดน้ำหอม แต่พูดถึงกลิ่นด้วยเรื่องปฐมภูมิซึ่งมีเรื่องราวและมีความสำคัญ รวบยอดความคิดชุดนี้ได้ดี ไม่ได้มุ่งหาแต่กลิ่นที่หอมๆ เพียงอย่างเดียว แต่พูดถึงการดำรงอยู่ของกลิ่นเหม็น หรือกระทั้งกลิ่นในอาหารก็ตาม”
สำนักพิมพ์: โอเพ่นเวิลด์ส จำนวนหน้า: 304 หน้า ราคา: 325 บาท หาซื้อได้ที่: ร้านหนังสือทั่วไป
Dero Dero เดโระเดโระ ผีแบบนี้ก็มีด้วย โดย Rensuke Oshikiri (ผู้แปล: พลอยแสง เอกญาติ)

“เป็นสิ่งที่เราไว้อ่านตอนเข้าห้องน้ำหรือช่วงเวลาที่ต้องการความบันเทิงง่ายๆ จำไม่ได้แล้วว่าเจอมาจากไหน เราชอบวิธีการเลือกหยิบเรื่องมาเล่าในแต่ละตอน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาเขียนว่ามันมาจากปีศาจหรือมาจากอะไร เพราะบางทีเราหาคำตอบไม่ได้ เช่น ทำไมหยิบหูฟังออกจากกระเป๋าแล้วมันพันกัน เรื่องแนวคิดและความเชื่อบางอย่าง หรือบางตอนก็เล่นกับคอนเซปท์ เช่น ตัวเอกโดนปีศาจจับไปไว้ในสวนมนุษย์ เหมือนที่มนุษย์ดูสัตว์ในสวนสัตว์ จะมีห้องนักเลง ห้องโอตาคุ ห้องไอดอล ห้องเกมเมอร์ เราว่าเขาเก่งในเรื่องการสังเกตธรรมชาติของคน ทำให้มีอารมณ์ขัน weird ดี
แต่ละตอนจะมีปีศาจที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธี create ปีศาจของเขา มันช่าง ‘คิดได้ยังไง’ มากๆ อย่างปีศาจพนักงานสาวในร้านเช่าวีซีดีโป๊ที่ทำให้ผู้ชายไม่กล้าซื้อวีซีดีโป๊ หรืออย่างถ้าผีมาแล้วจะหนาวเลยมีบริษัทเช่าวิญญาณเพื่อเอาไปใช้เป็นเครื่องปรับอากาศ วิญญาณที่มีความแค้นมากก็ยิ่งเย็นมาก หรือตอนผีปีศาจผู้กำกับหนังที่เปิดโรงหนังที่ถ้าใครด่าหนังตัวเองเก้าอี้มันจะดีดคนนั้นออกไป เรื่องอะไรแบบนี้ซึ่งมันเล่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นออกมาได้สนุกดี หรือบางทีหยิบตำนานเมืองมาเล่าในเชิงที่แปลกๆ ตลกๆ ก็มี
“ไม่ไหวนะ…จิตใจที่สงสัยคนเพียงแค่มองจากรูปกายภายนอกนั่น ไม่รู้เลยหรือว่ามันจะสร้างบาดแผลทางใจให้กับผู้ถูกสงสัย” – Dero Dero เดโระเดโระ ผีแบบนี้ก็มีด้วย, Rensuke Oshikiri
พออ่านไปหลายๆ เล่ม เราก็เริ่มจับได้ว่าจริงๆ คนเขียนเป็นคนเศร้าๆ จากที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เอามาทำให้กลายเป็นเรื่องตลก เช่นการที่โดนอย่าง strick มากว่าเป็นนักเลง การอยู่กับเพื่อนไม่กี่คนอย่างโดดเดี่ยว
สำนักพิมพ์: บงกชพับลิชชิ่ง จำนวน: 12 เล่ม ราคาเล่มละ: 45 บาท หาซื้อได้ที่: ร้านหนังสือทั่วไป
ขอขอบคุณสถานที่: ร้าน Caffe Undici ซอยพหลโยธิน 11
Photo : Yuai s.