คนที่เข้าสปาบ่อยๆ อาจจะคุ้นเคยกับเพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณเดินเข้าไปใน The Oriental Spa ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลัง 5 โมงเย็น คุณอาจจะพบบรรยากาศที่แตกต่างออกไป และเสียงเดียวที่คุณจะได้ยินคือความเงียบ
นี่คือกิจกรรม Silent Night หนึ่งกิจกรรมประจำปีของ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ทั่วโลก โดยในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังเวลา 5 โมงเย็น ทุกสปาจะปิดเสียงเพลงและลดการสื่อสารระหว่างเธอราพิสต์ เจ้าหน้าที่และแขกให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมทรีทเมนต์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสบการณ์การผ่อนคลายจากความเงียบสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน

นอกจากโปรแกรม digital detox และการทำสมาธิแล้ว โปรแกรมการบำบัดจิตใจด้วยความเงียบเริ่มกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในสปาทั่วโลก และทำให้เกิดสปาที่เรียกว่า silent spa ในหลายๆ แห่ง อย่างเช่น Therme Laa Silent Spa ในออสเตรีย Hedon Spa ในเอสโตเนีย ไปจนถึง Gaia House ในเดวอนที่ลดการพูดคุยให้มากที่สุด เพราะงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่ามนุษย์เราในทุกวันนี้กำลังประสบกับภาวะ “ขาดแคลนความเงียบ” เนื่องจากเราต้องสัมผัสกับเสียงต่างๆ อยู่ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน องค์การอนามัยโลกเองก็ยังกล่าวว่ามลภาวะทางเสียงนั้นเป็นเหมือนโรคระบาดในโลกยุคใหม่ แม้บางเสียงเราอาจจะแทบไม่รู้สึก แต่เสียงเบาๆ แต่ดังอย่างสม่ำเสมออย่างเสียงการทำงานของแล็ปท็อปหรือเสียงพิมพ์งานก็สามารถส่งผลต่อการทำงานของสมองและร่างกายของเราได้ โดยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา เสียงที่มากจนเกินพอดีทำให้ระดับคอร์ติซอลในร่างกายสูงขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคที่เกี่ยวกับหัวใจมากขึ้นด้วย
แล้วความเงียบจะช่วยเยียวยาเราได้อย่างไรบ้าง? งานวิจัยในปีค.ศ. 2007 ชี้ว่าการอยู่ในความเงียบเพียง 5 นาทีต่อวันสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาวะได้ ความเงียบยังช่วยลดระดับคอร์ติซอล ระดับความดันโลหิตและระดับการเต้นของหัวใจ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับและช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งนอกจากวิธีพื้นฐานอย่างการนั่งสมาธิแล้ว วิธีการสร้างความเงียบในชีวิตก็มีอีกหลายวิธี ตั้งแต่การใช้เวลาอยู่เงียบๆ บนเตียงหลังตื่นนอนสักพัก (โดยไม่หยิบมือถือมาเล่นก่อน) หรือการไปเดินป่าในช่วงสุดสัปดาห์ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว