ทุกวันนี้ ชื่อของ ยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล อาจเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินและนักวาดภาพประกอบสีสันสดใส ที่มีผลงานน่าจับตามองจนเคยร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Gucci มาแล้ว และในระหว่างที่เธอยังผลิตผลงานอิลลัสเตรชั่นออกมาเรื่อยๆ (ภาพบนผนังของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวัดมังกรที่คนชอบไปถ่ายรูปด้วยก็เป็นฝีมือของเธอเช่นกัน) เธอก็ยังเจียดเวลามารับหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการออกแบบจิวเวลรี่ให้กับ Tar Gallery ด้วย

“ถ้าถามว่าทำไมมาออกแบบเครื่องประดับ ต้องบอกว่าเรื่องยาวเลย ยูนเริ่มออกแบบเครื่องประดับด้วยความชอบค่ะ ชอบการเคลื่อนไหว และความระยิบระยับ ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่ตอนเป็นเด็กช่วงประมาณ ม.1 ม.2 มีช่วงหนึ่งที่หินสีนิยมมาก ช่วงนั้นงานอดิเรกก็คือร้อยสร้อย และต่างหู จาก หิน ลูกปัด คริสตัล และ จี้เงินต่างๆ ทำให้คุณแม่บ้าง และคุณครูที่โรงเรียนใส่บ้าง ช่วงนั้นยูนก็จะใช้เวลานั่งอยู่ร้านขายหินทั้งวันให้เจ้าของร้านช่วยสอน และประกอบ พอช่วงวัยทำงาน ที่ทำงานเป็น Director เราก็จะต้องคิดรูปแบบของเครื่องประดับเบื้องต้นเพื่อคอมพลีตลุคให้กับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าด้วย แต่ถ้าเรียกได้ว่ามาทำจิวเวลรี่จริงจังก็น่าจะเป็นตอนที่เพื่อนๆ เปิดร้านจิวเวลรี่ชื่อ Tar Gallery ค่ะ ทุกคนเห็นว่ายูนชอบใส่เครื่องประดับ เลยมาชวนว่าอยากทำเครื่องประดับไหม เป็นไฟน์จิวเวลรี่ ให้ยูนเป็น Design Director คอยดูทิศทางของแบรนด์และออกแบบจิวเวลรี่ในสไตล์ของยูนไปด้วย ซึ่งตอนนั้นยูนก็ตกลงทำทันทีค่ะ” คุณยูนเล่า

เธอบอกว่าการออกแบบจิวเวลรี่นั้นให้ความสนุกแตกต่างจากการออกแบบด้านอื่นๆ โดยความสนุกของเธอนั้นแบ่งออกได้เป็นสองแบบ “เวลาออกแบบเครื่องประดับยูนจะคิดถึงสิ่งที่เป็นกายภาพ และจินตภาพ ทางด้านกายภาพคือการเคลื่อนไหว ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้ยูนรู้สึกว่าแตกต่างจากการทำศิลปะด้านอื่น ยูนต้องเห็นภาพเวลาเครื่องประดับอยู่บนร่างกายของผู้ใส่ โทนสี ความยาว ข้อต่อที่ทำให้การแกว่งไกวกระทบแสง เวลาที่ก้าวเดิน และที่สำคัญมากคือน้ำหนัก ส่วนทางทางจินตภาพ ยูนเชื่อว่าเครื่องประดับทุกชิ้นนั้นล้วนมีความหมาย เลือกเจ้าของเลือกคนที่สวมใส่ และให้พลังงานกับคนที่สวมใส่ในรูปแบบที่ต่างกัน ยูนมักใส่เครื่องประดับตามความรู้สึกในวันนั้นๆ วันที่ต้องการพลังงานด้านไหนก็จะเลือกใส่เครื่องระดับที่มีหินหรืออัญมณี ที่ส่งเสริมนั้นประกอบ หินที่ยูนมักเลือก จะเป็นโมราสีเขียว คาร์นีเลียนส้มแสด ลาพิสลาซูลี และ เทอร์ควอยซ์ ส่วนอัญมณีคือทับทิม แซฟไฟร์ และเพทายค่ะ” ยูนบอกว่าเครื่องประดับมักเก็บพลังงานของผู้ที่สวมใส่ไว้ และเป้าหมายของเธอคือการออกแบบเครื่องประดับชิ้นพิเศษ ที่ไร้กาลเวลา และสามารถส่งต่อรุ่นต่อรุ่นได้ ซึ่งก็เป็นการส่งต่อพลังงานเหล่านั้นต่อไปด้วย
สำหรับคอลเลคชั่น Andromeda ที่วางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้นั้น เธอได้แรงบันดาลใจมาจากหญิงสาวที่เปล่งประกายเหมือนดาวบนท้องฟ้า “ตอนแรกคิดถึงเทพีวีนัสที่ว่ากันว่างดงามที่สุด เธอมีดาวศุกร์เป็นสัญลักษณ์ แต่ก็คิดต่อไปว่าใครกันนะที่งดงามกว่านั้น งดงามระดับจักรวาลจนชื่อของเธอถูกนำมาตั้งเป็นชื่อแกแลกซี่ คำตอบคือแอนโดรเมดา (Andromeda) ซึ่งเป็นชื่อของแกแล็กซี่เพื่อนบ้านของเรา การออกแบบคราวนี้ยูนดึงเรื่องราวของเทพปกรณัมกรีกมาใช้เป็นส่วนมาก โดยจะเน้นเรื่องความเชื่อ ความรัก พรหมลิขิต และโชคชะตาค่ะ”
นอกเหนือจากจิวเวลรี่แล้ว เธอยังได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับแบรนด์หลายแบรนด์ ทั้งชุดกาน้ำชาพอร์ลเลนและ Bridal Box ของโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ผลงานแฟชั่นเซ็ตร่วมกับ Sangsom ผลงานอินสตอลเลชั่นที่ Gaysorn Village และในปลายปีนี้ เธอวางแผนจะเปิดตัวคอลเลคชั่นเสื้อผ้าของตัวเองด้วย
ติดตามความเคลื่อนไหวและผลงานของเธอได้ที่เฟซบุ๊ค Phannapast