fbpx

7 จุดเช็คอินเมืองน่านที่คุณจะตกหลุมรักได้ใน 2 วัน

ททท.ออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมตามประสาคู่รักให้คุณสนุกกับเมืองน่านได้แบบสบายๆ ใน 2 วัน 1 คืน

1. จิบน้ำชา เดินตึกฝรั่ง ที่ตึกรังษีเกษม

เหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตกลับไปราวร้อยปีก่อน ในวันที่คณะมิชชันนารีนำโดยคุณหมอ ดร.ซามูเอล ซี พีเพิลส์, ดร.ฮิวส์ เทเลอร์ และศาสนาจารย์แมเรียน บี ปาล์เมอร์ เดินทางข้ามทวีปมาเผยแพร่คริสต์ศาสนาพร้อมนำพาหยูกยาและการแพทย์สมัยใหม่มาสู่เมืองน่าน

เรื่องเล่ามีอยู่ว่าเมื่อปี พ.ศ. 2458 มิชชันนารีกลุ่มนี้ได้เปิดโรงเรียนสอนหนังสือตะวันตกขึ้นเป็นแห่งแรกในเมืองน่าน สมัยนู้นใช้ชื่อว่าโรงเรียน “เมริเอริสมิท บราวส์” ต่อมาสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (พระโอรสองค์ที่ 4 ในรัชกาลที่ 4 พระอนุชาของรัชกาลที่ 5) จึงได้พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “โรงเรียนรังษีเกษม”

ตึกนี้เมื่อเดินดูจนถ้วนทั่วจะพบว่าเป็นสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่ประยุกต์ให้เข้ากับเขตร้อนได้อย่างชาญฉลาด ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณของฝรั่งมิชชันนารีและภาพถ่ายเก่าแก่อีกกว่า 1,000 ภาพ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัตศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวน่าน ของพระบรมวงศานุวงศ์ที่มาทรงงาน รวมถึงพระราชกรณียกิจของเจ้าผู้ครองนคร พันธกิจของมิชชันนารี และภาพเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในอดีตไว้มากมาย  

หลังเดินดูตึกเก่าพร้อมถ่ายรูปกันจนฉ่ำใจ อย่าลืมแวะจิบชาฝรั่งกับขนมแอ๊บข้าวโพดที่เขาเสิร์ฟด้วย ก่อนกลับแนะนำให้สมัครเข้าคลาส ‘หัดเขียนชื่อแฟนด้วยตัวอักษรล้านนา’ จะได้มีของที่ระลึกเป็นความทรงจำกลับบ้านกันนะ

2. ชมฮูปแต้ม ภาพกระซิบรัก ที่วัดภูมินทร์

ถ้าจะเก็บไฮไลท์ของการท่องเที่ยวน่านก็คงจะข้ามการแวะเยี่ยม “ปู่ม่านย่าม่าน” ที่วัดภูมินทร์ไปไม่ได้

วัดนี้นอกจากจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังหรือฮูปแต้ม “กระซิบรัก” อันลือชื่อซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาของศิลปินสกุลช่างน่านแล้ว ยังเป็นวัดหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สร้างขึ้นในรูปแบบจัตุรมุข กล่าวคือทั้งมหาเจดีย์ พระวิหาร และพระอุโบสถถูกออกแบบรวมอยู่ในหลังเดียวกัน ส่วนใจกลางอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ 

สิ่งที่น่ารักมากในวัดนี้คือการมี “มัคคุเทศก์น้อย” ที่คอยต้อนรับแขกเยือนจากต่างถิ่น เล่าขานเรื่องราวชาดกและตำนานพื้นบ้านตามที่ปรากฏบนภาพวาดฝาผนัง โดยภาพปู่ม่านย่าม่านนั้นมัคคุเทศน์น้อยบอกว่าเป็นผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ส่วนภาพที่เราจำขึ้นใจคือภาพเกี้ยวพาราณสีของหญิงชายสมัยก่อนด้วยการขอ “ต่อบุหรี่” ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่าถ้าชายหนุ่มขอแล้วสาวเจ้ายื่นให้ ก็เท่ากับสาวนั้นมีใจ หรือ “swipe right” นั่นเอง

3. เที่ยวปัว ดื่มโกโก้ ทำช็อคโกแล็ต ที่ COCOA VALLEY

ขับรถจากตัวเมืองไปยังอำเภอปัวในระยะทาง 60 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่ Cocoa Valley เดสทิเนชั่นสุดเก๋ที่คู่รัก (และช็อคโกแลตเลิฟเวอร์) ไม่ควรพลาด  ทำเลของคาเฟ่/รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาธรรมชาติ ว่ากันว่าหากวันไหนฟ้าเป็นใจ คุณจะมองเห็นยอดดอยภูคาได้จากระเบียงของที่นี่เลยทีเดียว

เครื่องดื่มโกโก้แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และของหวานที่มีส่วนผสมของโกโก้ คือไฮไลท์ของ Cocoa Valley Cafe ซึ่งเรารับประกันว่าเมื่อลิ้มรสแล้วคุณจะไม่อยากกลับไปดื่มโกโก้ที่ไหนอีก (โดนสปอยล์ซะแล้ว!) เพราะความมัน – เข้ม – ดาร์กที่ได้จากผลโกโก้แท้ (แบบไม่มีส่วนผสมของไขมันปลอมอื่น) มันให้รสชาติและความหอมที่ไม่เหมือนใครจริงๆ

กินดื่มจนอิ่มหนำแล้ว ที่นี่เขายังมีเวิร์กช็อปสอนทำช็อคโกแล็ตอย่างง่ายสำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้ตั้งแต่วิธีการปลูก การเก็บเกี่ยว การคั่วเม็ด และการผลิต “โกโก้ออร์กานิกส์” ไปจนถึงการทำช็อคโกแล็ตบาร์อร่อยๆ ด้วยตัวคุณเอง

4. เยือนคุ้มเจ้า เล่าอดีต ที่โฮงเจ้าฟองคำ

“โฮงเจ้าฟองคำ” หรือ“คุ้มเจ้า” คือเรือนไม้สักทั้งหลังของเจ้าศรีตุมมาผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าอนันตวรฤทธิเดช (เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 62)  บ้านไม้ใต้ถุนสูงอายุกว่า 200 ปีนี้ต้องเรียกว่าคงเอกลักษณ์การออกแบบสไตล์ล้านนาไว้ครบถ้วน เช่นการใช้หลังคาทรงจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินขอ ตัวบ้านประกอบด้วยเรือน 2 หลังที่เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินและนอกชาน แบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องหับอาทิ ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ฯลฯ ที่ทั้งหมดอาศัยแค่การเจาะไม้และเข้าไม้ด้วยสลักเท่านั้น

ในส่วนห้อง “ครัวไฟ” ซึ่งอยู่แยกจากตัวบ้านหลักจะมีเครื่องเทศประจำเมืองอย่าง “มะแขว่น” ผูกแขวนให้เราชม ในห้องนี้ชาวน่านแต๊ๆ เชื่อกันว่าห้ามวางหม้อค้างไว้บนเตาเด็ดขาด เพราะจะทำงานทำการไม่เจริญ ส่วนหญิงสาวในบ้านก็ห้ามเก็บภาชนะซ้อนกัน เพราะเป็นลางว่าจะมีสามีหลายคน แต่หากคิดจะหาผัวให้ได้สักคนแล้ว แม่หญิงน่านจะต้องหัดทอผ้าให้เชี่ยวชาญก่อน มิฉะนั้นจะหาผัวไม่ได้

ปัจจุบันคุ้มเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่พักอาศัยของลูกหลานเจ้าศรีตุมมาจำนวนหนึ่งและเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้น่าสนใจหลายอย่าง เช่น เครื่องเงิน ผ้าทอลายน้ำไหล ฯลฯ  กระซิบว่าถ้ามีโอกาสแวะเวียนมาที่นี่ อยากให้โทรจองรับประทานอาหารขันโตกกับเจ้าบ้านสักมื้อ เพราะ “ไก่ทอดมะแขว่น” เขารสชาติดี๊ดี ทานกับข้าวเหนียวและน้ำพริกหนุ่ม อร่อยแต๊

5. นอนริมนา ที่น่าน ศรีปันนา

ขอบอกว่าถ้ามาเช็คอินที่นี่คนเดียว “มีเหงา” เพราะโรงแรมบูติกขนาดสองชั้นสงบเงียบเรียบหรูแห่งนี้ล้อมรอบด้วยทุ่งนาและทุ่งหญ้าแสนบริสุทธิ์  ข้อดีที่หนึ่งคือห้องพักทุกห้องมีระเบียงด้านหลังที่เปิดโล่งไปสู่วิวนาเขียวขจี รับประกันดีกรีความโรแมนติกพุ่งปรอทแตก

ดียกกำลังสองคือแม้ที่ตั้งจะอยู่ในเขตอำเภอเมือง แต่ทันทีที่จีพีเอสพาคุณขับเลาะเข้าซอยเพียงเล็กน้อย บรรยากาศชนบทแสนสดชื่นก็จะกลายเป็นฉากหลังของการพักผ่อนให้คุณทันที ถ้ามาเที่ยวกันแบบคู่รักข้าวใหม่ปลามันล่ะก็ …หึหึ

6. ทำโคมมะเต้า ที่บ้านม่วงตึ๊ด

หนึ่งในงานหัตถกรรมคู่เมืองน่านคือการทำ “โคมมะเต้า” ซึ่งเขามีศูนย์เรียนรู้การประดิษฐ์โคมนี้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ที่ “บ้านโคมคำ” หรืออีกชื่อคือ “บ้านม่วงตึ๊ด” ซึ่งเป็นชุมชนริมวัดพระธาตุแช่แห้งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวแวะมาฝึกทำโคมมะเต้าเองได้ โดยจะเริ่มตั้งแต่การเหลาไม้ไผ่ การขึ้นรูป การตัดแปะกระดาษสา จนไปจบที่การตกแต่งด้วยกระดาษทอง  

แต่สำหรับคู่รักเวลาน้อย คุณจะขอป้ออุ๊ยแม่อุ๊ยลัดขั้นตอนยากๆ ในช่วงแรกเลยก็ได้ ที่ศูนย์ฯ เขามีชิ้นโครงที่ทำไว้แล้วให้คุณฝึกแปะกระดาษสาและตกแต่งอีกนิดหน่อย (ซึ่งก็ยังต้องอาศัยสมาธิและความประณีตอยู่ดีนะ) เมื่อทำเสร็จแล้วพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยอาจแนะนำให้คุณนำโคมมะเต้าไปถวายพระที่วัดพระธาตุแช่แห้ง หรือใครอยากจะเก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึกก็ได้ไม่ว่ากัน

7. ชิมบัวลอยป้านิ่มก่อนกลับ

บ่ายคล้อยก่อนบินกลับกรุงเทพฯ ด้วยไฟลท์สุดท้ายของแอร์เอเชีย อย่าลืมเหลือเวลาสัก 20 นาทีแวะร้านขนมหวานป้านิ่มก่อนทางเข้าสนามบินด้วย  ป้านิ่มท่านนี้นางขึ้นชื่อว่า “ติสท์” พอตัว ด้วยว่านางทำบัวลอยรสอร่อยจนดังไปทั้งนคร แต่ใครจะมาเชิญไปออกร้านที่ไหนนางปฏิเสธหมด ป้าบอกนิ่มๆ ว่า “ใครอยากทานก็มาหาป้าเองเถอะนะ”  สายขนมหวานได้ยินกิตติศัพท์เช่นนี้เห็นทีจะไม่แวะไม่ได้แล้ว  

โลเคชั่นร้านป้าอยู่ก่อนทางเข้าสนามบินแค่ห้านาที  แต่เห็นชื่อดังขนาดนี้จริงๆ หน้าร้านแกเล็กนิดเดียว มีโต๊ะตั้งขายขนมโต๊ะหนึ่งที่วางส่วนผสมเรียงรายให้ลูกค้าเข้าคิวสั่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็จะสั่ง ‘บัวลอย’ ของป้าเป็นตัวยืนพื้น แต่จะบวกไอศกรีมกะทิ หรือมะม่วงสุก หรือข้าวฟ่าง หรืออื่นใดก็สุดแต่ลิ้นท่านจะปรารถนา กระซิบว่าลูกค้าหน้าใหม่ทั้งหลายจะสั่ง ‘บัวลอยอลาโม้ด’ กันในรอบแรกเสียส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายก็เห็นย่องกลับไปสั่ง ‘บัวลอยล้วน’ กันแทบทุกคน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยวน่าน: สอบถาม ททท.สำนักงานน่านได้ทุกวันที่ โทร. 054 711 217 – 8 หรือที่ facebook.com/pg/tat.nan.office

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on pinterest

More to explore