ยุคปี 1960s เป็นช่วงเวลาที่กระแสงานออกแบบและวัฒนธรรมแบบ ‘โมเดิร์นนิสต์’ กำลังร้อนแรงทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในหน้าตาของความโมเดิร์นยุคนั้นก็ปรากฏผ่านงาน ‘สถาปัตยกรรม’ ที่ก่อสร้างขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย สำหรับในประเทศไทยสถาปัตยกรรมยุคโมเดิร์นถูกนำมาใช้ในการออกแบบอาคารต่างๆ ไม่น้อย โดยเฉพาะในขอบรั้วของสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยที่ต้องการสื่อแนวคิดความเปิดกว้างขององค์ความรู้สู่มวลชน น้บเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ผู้คนให้ความสนใจกับการศึกษา เหตุผล ศิลปะ และความเป็นสากล อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การได้ออกแบบอาคารใหม่ๆ ที่มีฟังก์ชั่นไม่ซ้ำเดิม นัยหนึ่งก็เปรียบเสมือนพื้นที่ปล่อยของของเหล่าสถาปนิกในยุคนั้น ต่างคนต่างมีโอกาสจะอวดฝีไม้ลายมือกันได้เต็มที่
ยุคทองของสถาปัตยกรรมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังมหาสงครามเอเชียบูรพาสงบลง รัฐบาลไทยได้หันมาพัฒนาการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษาอย่างจริงจังอีกครั้ง คำว่า ‘มหาวิทยาลัย’ เริ่มขยายวงกว้างออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆ (ตามนโยบายพัฒนาการศึกษาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2501) มีการสถาปนามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ในหลายจังหวัดเช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ปี พ.ศ. 2507) มหาวิทยาลัขอนแก่น (ปี พ.ศ. 2509) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ปี พ.ศ. 2511) รวมถึงตลาดวิชาการศึกษาเปิดอย่างมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ปี พ.ศ. 2514) ด้วย
การก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้นอกจากจะมีฝ่ายวิชาการและฝ่ายบริหารที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการเรียนการสอนแล้ว ยังมีบุคลากรอีกฝ่ายหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือสถาปนิกและนักออกแบบที่ต้องรับหน้าที่สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นให้เป็นรูปเป็นร่าง รวมถึงสื่อภาพลักษณ์ความยิ่งใหญ่ ทรงเกียรติ ทรงคุณค่า ตามวัตถุประสงค์และค่านิยมของสังคมไทยในสมัยนั้น
สถาปนิกมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบตึกอาคารต่างๆ ให้มีความบริบูรณ์ นั่นคือมีประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน มีความสวยงามตามหลักสากล และที่สำคัญคือสร้างภาพลักษณ์ให้มหาวิทยาลัยเป็นที่จดจำและยกย่องของสาธารณะชนในวงกว้างด้วย
ใน photo essay ฉบับนี้ของ เบียร์ – วีระพล สิงห์น้อย เรารวบรวมภาพอาคารยจากยุคโมเดิร์นนิสต์ที่ยังคงมีชีวิตและเรื่องราวเล่าขานในรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ มาให้รับชม ไปดูกันดีกว่าว่ามีอาคารไหนที่สวยงามสะดุดตาและยังยิ่งใหญ่ประทับใจคุณๆ บ้าง
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาค ที่นี่มีตึกยุคโมเดิร์นสวยๆ ปรากฏอยู่หลายแห่ง เช่นที่ตึกชีววิทยา และตึกฟิสิกส์ ของคณะวิทยาศาสตร์ ห้องสมุดของคณะวิศวะ คณะสังคมศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานออกแบบของสถาปนิก อมร ศรีวงศ์ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังมีหอพักชายอีกอาคารที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นผลงานออกแบบของสถาปนิก เลี่ยม ธีรัทธานนท์ รวมไปถึง ‘โดมเต่า’ หรือห้องบรรยายของคณะแพทยศาสตร์ในฝั่งโรงพยาบาลมหาราชอีกด้วย








มหาวิทยาลัยมหิดล
‘ตึกกลม’ หรือ ‘ตึกจานบิน’ คือชื่อเล่นของอาคารเรียนรวมคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผลงานออกแบบของสถาปนิก อมร ศรีวงศ์ เจ้าเก่าอีกเช่นกัน เรื่องราวที่น่าภูมิใจคืออาคารหลังนี้ได้รับรางวัลการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2553

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาคารคอนกรีตเปลือยของตึกฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังนี้เป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกดัง องอาจ สาตรพันธุ์ ในปี พ.ศ. 2512 นับเป็นสถาปัตยกรรมในซีกโลกตะวันออกที่มีกลิ่นอายความโมเดิร์นในแบบ Le Corbusier อย่างชัดเจน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
อาคารเล็กๆ กลางสนามหญ้าด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานแห่งนี้ เดิมสร้างไว้เป็นตึกประชุมของเหล่าคณาจารย์ จึงมีชื่อเรียกตรงตัวว่า ‘คุรุสัมมนาคาร’ (คุรุ+สัมมนา+อาคาร) ความโดดเด่นสะดุดตาอยู่ที่รูปทรงหลังคาแบบ hyperbolic paraboloid ที่สถาปนิก ดร.วทัญญู ณ ถลาง และ นคร ศรีวิจารณ์ สร้างสรรค์ขึ้นร่วมกับนักศึกษา อาคารนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2558

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา ทำให้อาคารหลังนี้ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีชื่อเล่นตลกๆ ว่า ‘ตึกฟักทอง’ ส่วนชื่อจริงนั้นคือ ‘อาคารปาฐกถา ประดิษฐ เชยจิตร’ เป็นห้องบรรยายรวมขนาดใหญ่ของคณะวิทยาศาตร์ที่ภายในแบ่งย่อยเป็น 5 ห้อง และถัดไปด้านหลังอีกหน่อยก็มี ‘ตึกสตางค์’ ของคณะวิศวะที่สวยงามไม่แพ้กัน ทั้งสองอาคารได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2559 นอกจากนี้หากผู้อ่านท่านใดมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนอ่างเก็บน้ำศรีตรัง ก็จะได้เห็นภาพหอพักของเหล่าคณาอาจารย์ที่นี่ ซึ่งดูสวยงามย้อนยุค อาคารทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ออกแบบโดย อมร ศรีวงศ์ สถาปนิกคู่ใจของ ศ.ดร. สตางค์ มงคลสุข คณบดีคนแรกของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นั่นเอง




เรื่องและภาพ: วีระพล สิงห์น้อย ( beersingnoi.com )