ถ้าพูดถึงวงการการออกแบบรีสอร์ทในภูมิภาคนี้ แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักสถาปนิก บิล เบนสลีย์ (Bill Bensley) ผู้ก่อตั้งบริษัทออกแบบ BENSLEY Design Studios ที่ปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘เจ้าพ่อ’ แห่งวงการรีสอร์ทดีไซน์ระดับนานาชาติไปแล้ว จากผลงานมาสเตอร์พีซที่เขาฝากไว้ในหลายประเทศ จึงอาจจะยากที่จะจินตนาการว่าจุดเริ่มต้นของสถาปนิกระดับโลกคนนี้อยู่ที่มุมเล็กๆ ในอำเภอแม่ริม ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ Four Seasons Resort Chiang Mai นี่เอง

ตามทฤษฎีแล้ว หัวใจของการออกแบบรีสอร์ทอยู่ที่การออกแบบแลนด์สเคป และชื่อของ Four Seasons Resort Chiang Mai มักจะชวนจินตนาการถึงรีสอร์ทริมทุ่งนาสีเขียวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ทุ่งนาแห่งนี้คือผลงานออกแบบแลนด์สเคปโปรเจ็กต์แรกๆ ของบิล เบนสลีย์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมโดย Chiang Mai Architects Collaborative และ Bunnag Architects รวมถึงอินทีเรียร์ดีไซน์โดย Abacus Design ที่เน้นกลิ่นอายของวัฒนธรรมล้านนาซึ่งเป็นที่ตั้ง สวนที่เป็นหัวใจของที่นี่จึงอยู่ในรูปของหมู่บ้านชาวนา พร้อมยุ้งข้าว บ่อน้ำและท้องนาซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่คุ้นตาของเชียงใหม่ นอกจากจะมีหน้าที่ตกแต่งรีสอร์ทให้ไม่เหมือนใครแล้ว ท้องนาแห่งนี้ยังเป็นที่ทำกิจกรรมปลูกข้าวสำหรับแขกที่สนใจ รวมถึงเป็นลานแสดงของ Farmer’s Parade ในทุกเย็นด้วย และช่วงเย็นนี่แหละที่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดของที่นี่ เมื่อดวงอาทิตย์เร่ิมคล้อยต่ำ สาดแสงลงมาให้ทุ่งนาดูเรืองรอง โดยมีทิวเขาของเชียงใหม่เป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ

แม้โปรเจ็กต์ของบิล เบนสลีย์ที่นี่จะเริ่มจากการออกแบบแลนด์สเคป แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบส่วนอื่นๆ ของรีสอร์ทด้วย ทั้งในส่วนของวิลล่าใหม่และการปรับโฉมห้องอาหาร Khao และการออกแบบห้องอาหาร North ที่มีไฮไลต์อยู่ที่เตากริลล์ทรงกลมให้อารมณ์แคมป์ไฟในช่วงหน้าหนาว

ถ้าดัชนีชี้วัดของรีสอร์ทที่ดีคือคุณสมบัติในการสร้างความรู้สึกที่แตกต่าง ที่นี่ก็คงเรียกได้ว่าเป็นรีสอร์ทที่ดีมากแห่งหนึ่ง เพราะเพียงแค่ผ่านทางเข้ามาก็รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโลกสีเขียวที่ล้อมรอบด้วยความสงบ มีเสียงนกร้องให้ได้ยินบ้างในบางเวลา จนแทบจะทำให้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราอยู่ห่างจากถนนสายหลักของแม่ริมเพียงไม่กี่นาที
แม้ทางรีสอร์ทมีแผนจะปรับทิศทางให้เน้นเรื่องสุขภาวะมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่ Four Seasons Resort Chiang Mai ในเวอร์ชั่นปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็ดีต่อกายและใจด้วยตัวเองอยู่แล้ว ภาพทุ่งนาสีเขียว อาหารที่เน้นวัตถุดิบคุณภาพสูง ห้องพักพร้อมเตียงที่นุ่มสบายสามารถช่วยให้เราลืมงานในแลปท็อปที่พกมาด้วยไปได้ชั่วขณะ ในส่วนของห้องพักนั้น ถ้าอยากเน้นที่วิวสวยๆ แนะนำให้เลือกแบบ Rice Terrace Pavilion ที่อยู่ติดกับทุ่งนา แต่ถ้าเน้นความเป็นส่วนตัวสุดๆ ห้องพักแบบ Pool Villa ที่อยู่อีกด้านหนึ่งอาจจะตอบโจทย์มากกว่า

นอกจากห้องพักแล้ว Four Seasons Resort Chiang Mai ยังเป็นจุดหมายด้านอาหาร เร่ิมจากห้องอาหาร Khao ที่เสิร์ฟอาหารเหนือแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นห้องอาหารสำหรับอาหารเช้า อาฟเตอร์นูนทีและบาร์ในตอนเย็น ห้องอาหาร North ที่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ในวันอาทิตย์ของชาวเชียงใหม่จาก Sunday Brunch ที่มีการเชิญเชฟในเชียงใหม่มาร่วมสนุกด้วยในบางสัปดาห์ แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านั้น บริการ Romance in Sala ของที่รีสอร์ทที่เสิร์ฟอาหารท่ามกลางแสงเทียนที่ห้องพักก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน

และถ้ามาถึงที่นี่แล้ว เราแนะนำให้ลองทรีทเมนต์ที่ Wara Cheeva Spa สปาที่กวาดรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย สปาแห่งนี้ตั้งอยู่ในวิลล่าในโซนเรสซิเดนส์ และแบ่งทรีทเมนต์ที่เน้นส่งเสริมสุขภาวะในด้านต่างๆ โดยมีทั้งแบบเน้นดูแลร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ไปจนถึงทรีทเมนต์ที่เน้นกลิ่นอายพื้นถิ่นล้านนา แถมยังมีทรีทเมนต์สำหรับเด็กโดยเฉพาะด้วย
เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างมาพบกับบริการระดับโลกตามแบบฉบับของแบรนด์ Four Seasons แล้ว เราเชื่อว่าใครที่ได้เข้ามาในโลกเล็กๆ ใบนี้ ย่อมออกไปพร้อมความประทับใจแน่นอน
Travel Tips
- ตอนนี้ทางรีสอร์ทมีโปรโมชั่น Time to Reconnect ที่มอบส่วนลด 20% จากราคาห้องพักปกติ (สำหรับห้องพักแบบ Family Residence ขึ้นไป และพักอย่างน้อย 2 คืน) และสามารถเปลี่ยนเวลาเข้าพักได้ จองได้ถึงวันที่ 30 พ.ย. นี้ และใช้ได้ถึง 30 มิ.ย. ปีหน้า ดูข้อมูลได้ที่ https://www.fourseasons.com/chiangmai/offers/
- โปรโมชั่น Restart Your Time with Four Seasons ชวนมาเริ่มปีนี้ใหม่อีกครั้งด้วยส่วนลดสำหรับห้องพักแบบ Rice Terrace Pavilion ขึ้นไป (พักอย่างน้อย 2 คืน) พร้อมส่วนลด 30% สำหรับห้องอาหารและสปา
- Friends of Four Seasons Sunday Brunch เอาใจนักชิมโดยเฉพาะ โดยเชิญเชฟดังๆ จากเชียงใหม่มาร่วมสนุกแบบยาวๆ ไปจนถึงเดือนธันวาคมนี้ ติดตามอัพเดทได้ที่เฟซบุ๊ค Four Seasons Resort Chiang Mai