อ้อ สุทธิประภา ถึงวันนี้เราน่าจะเรียกเธอได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งใน ‘ศิลปินเซรามิก’ ไทย ที่มีผลงานร่วมสมัยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แบรนด์ของเธอใช้ชื่อเดียวกับตัวว่า Aor Sutthiprapha ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีผลงานออกมาให้เรารับชมเป็นนิทรรศการอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้งทั้งในไทยและต่างประเทศ และหาโอกาสก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนไปทำงานในฐานะศิลปินพำนักในประเทศต่างๆ บ่อยครั้ง นอกจากนี้อ้อยังทำงานในรูปแบบ commission work ให้กับลูกค้าในนาม Small Studios ด้วย
ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2019 ที่ผ่านมา อ้อได้จัดนิทรรศการเดี่ยวของตัวเองอีกครั้งในชื่อ REVEAL(ED) ที่ Serindia Gallery (กรุงเทพ) โดยมีทั้งผลงานใหม่และเก่าที่วิวัฒนาการขึ้นมาจัดแสดง และเธอยังคงใช้กระบวนการสร้างสรรค์เซรามิกเป็นหนึ่งเดียวกับกระบวนการเรียนรู้ตัวตนภายใน “เราใคร่ครวญโลกภายในอย่างลึกซึ้งด้วยการพูดคุยกับตัวเองผ่านดินปั้น มันเป็นการสร้างสุนทรียสนทนาระหว่างกระบวนการที่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะไปพร้อมๆ กับการทำซ้ำ เพื่อฝึกฝนตนเอง”



อ้อในวันนี้บอกกับเราว่าเธอรู้สึกว่าตนเองเติบโตและมั่นใจกับการทำงานมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอได้เข้าร่วมโครงการศิลปินพำนักในประเทศต่างๆ บ่อยครั้ง ทำให้ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติและประสบการณ์กับศิลปินระดับท็อปๆ หลายท่านในโลก

ไม่นานมานี้เธอเพิ่งได้รับเชิญให้ไปร่วมโครงการศิลปินพำนักที่เมืองชิคารากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 90 วัน “ที่นี่อ้อนั่งทำงานติดกับ โยชิโตโมะ นาระ เลยนะ เขาอายุจะหกสิบแล้ว แต่เรากลับไม่รู้สึกเลยว่าเขาเป็นคนวัยนั้น” (หัวเราะ) หลังจากนั้นเธอก็ได้จัดแสดงผลงานร่วมกับศิลปินพำนักท่านอื่นๆ ในนิทรรศการชื่อ Internal dialog, Shigaraki 2019 ตามมาด้วยงานแสดงระดับนานาชาติอีกครั้งที่ NCECA 2019 Conference เมืองมินนีแอโพลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งก็ถือเป็นงานใหญ่ระดับโลกของวงการเซรามิกอาร์ตเช่นเดียวกัน
“เวลาคนยุโรปเห็นงานเราเขาจะรู้สึกถึงความเรียบนิ่งแบบตะวันออก ในขณะที่เวลาคนเอเชียดูเขาจะนึกไปถึงอารมณ์แบบแสกนดิเนเวียน”
นอกเหนือจากงานในฐานะศิลปินที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อีกโปรเจ็กท์หนึ่งที่อ้อภูมิใจมากคือการเป็นผู้ร่วมจัดงาน P O T (Potters Of Thailand) ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า ซึ่งเธอกับผู้ร่วมก่อการอีก 2 คนคือ อาจารย์พิม สุทธิคำ และ โม จิรชัยสกุล วางแผนกันคร่าวๆ ว่าจะยกระดับการทำงานนี้ให้เป็นระดับสมาคมฯ ในอนาคต และจะจัดงานให้ได้ต่อเนื่องทุกสองปี
“เราอยากให้งาน Potters Of Thailand นี้สร้างการรับรู้ใหม่เกี่ยวกับศิลปะเซรามิกในสังคมไทยค่ะ ซึ่งในปีแรกเราสามารถเชิญศิลปินระดับโลกอย่าง Jenifer Lee (เจ้าของรางวัล Loewe Craft Prize ปี 2018)มาร่วมแสดงงานกับเราได้ อ้อเชื่อว่าถ้าเราทำสิ่งนี้ต่อเนื่อง มันจะค่อยๆ เปลี่ยนค่านิยม เปลี่ยนความคิด ทำให้คนไทยมองเห็นคุณค่า และให้มูลค่ากับเซรามิกอาร์ตอย่างที่มันควรจะเป็น”



“เทรนด์ที่กำลังดำเนินไปในเมืองไทยคือโรงงานที่ทำงานแบบ OEM จะไม่โตแล้ว แต่สตูดิโอเล็กๆ ที่ทำงานด้วยเอกลักษณ์ของตนเองจะเติบโตเบ่งบานอย่างรวดเร็ว”
ผลงานเด่นในอดีตที่ทำให้ศิลปินหญิงคนนี้กลายเป็นที่จับตาขึ้นมาในแวดวงคือนิทรรรศการเดี่ยว Weaving Indigo ที่เธอจัดแสดงครั้งแรกในประเทศสวีเดน เป็นงานโซโลที่สื่อสารถึงปรัชญาการทำงานแนวพุทธผ่านรูปทรงที่เรียบง่าย หากแต่แฝงไว้ด้วยพลังความอุตสาหะและเทคนิกการวาดเส้นซ้อนทับอันละเอียดอ่อนแบบหาตัวจับยาก


อ้อเคยกล่าวว่าปรัชญาพุทธจะเป็นวิถีเดียวในการทำงานตลอดชีวิตของเธอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบทสนทนาระหว่างชิ้นงานของเธอกับผู้ชม จึงมักนำเสนอเรื่องความไม่แน่นอนในสรรพสิ่ง โดยมี ‘ดิน’ เป็นวัตถุทางความคิดที่ใช้ถ่ายทอดสาระต่างๆ ออกมาในแต่ละช่วงวัย ภาษาเซรามิกที่เรามักพบเห็นจากส่วนใหญ่ของเธอจะประกอบไปด้วย
1) ความไร้ซึ่งสัญญะแห่งเวลา (Timeless)
2) ความเรียบง่ายในเชิงรูปทรง (Simplicity)
3) ร่องรอยของการทำสิ่งซ้ำๆ (Repetition)
4) ความรู้สึกถึงมิติแห่งศรัทธา (Sublime)

เชื่อว่าสำหรับ อ้อ สุทธิประภา ในวันนี้ งานเซรามิกคงเป็นเสมือนการเติบโตของชีวิตทั้งภายนอกและภายใน ทำให้เธอเข้าใจถึงโอกาสการพัฒนาตนเองที่ไม่หยุดอยู่กับที่ และเข้าถึงความงามในความแปรเปลี่ยนตามธรรมชาติได้อย่างถ่องแท้ เช่นเดียวกับผู้ที่ฝึกตนด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนา งานของเธอค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นมากกว่าชิ้นงานศิลปะ แต่คือร่องรอยของการเติบโตในตัวตนของมนุษย์ที่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือ
** ในขณะที่ศิลปินเซรามิกไทยมีจำนวนไม่มาก และที่เป็นศิลปินหญิงยิ่งนับได้น้อยมาก อ้อ สุทธิประะภา นับเป็นหนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ ผลงานหลายชิ้นของเธอได้รับเลือกเป็นชิ้นงานสะสมในพิพิธภัณฑ์และองค์กรศิลปะทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านเซรามิกในประเทศจีน ญี่ปุ่น และสวีเดน
Information
Email: aor.sutthiprapha@gmail.com
Website: aorsutthiprapha.com
Facebook: Aor Sutthiprapha