เทศกาลดนตรี ศิลปะ ตลอดจนนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม คือแพลทฟอร์มการรวมตัวของผู้คนที่เปรียบได้กับ ‘พิธีกรรม’ อย่างหนึ่งของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่ต้องการแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต และต้องการได้มีส่วนร่วมกับพื้นที่และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ในปัจจุบันเทศกาลเหล่านี้ใช่ว่าจะดึงดูดเฉพาะผู้ร่วมงานเท่านั้น อันที่จริงแล้วมันยังมีประโยชน์มหาศาลต่อภาคธุรกิจ เพราะมันสามารถช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเฉพาะได้ง่ายยิ่งขึ้น
Kooper อาสาพาคุณไปสำรวจว่าในปี 2020 นี้ มีกลุ่มเทศกาลอะไรบ้างที่นักสร้างสรรค์และผู้ที่ทำงานด้านแบรนด์ดิ้งไม่ควรพลาด
กลุ่ม Eco Experience: สนุก(ไม่)ลืมโลก
การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและความไม่แน่นอนของสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ชื่นชอบเทศกาลที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและเป็นมิตรกับโลก เราจึงได้เห็นเทศกาลต่างๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นนี้และนำมาเป็นกลยุทธ์ในการจัดงานบ่อยครั้งขึ้น ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน การสร้างวัฒนธรรมยุคหลังบริโภคนิยม หรือการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ควรต้องติดตามดูว่าจะแสวงความร่วมมือจากงานเทศกาลสร้างสรรค์กลุ่มนี้ได้อย่างไรบ้าง
DGTL อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
วันที่ 10-12 เมษายน

DGTL คือเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนของโลกเป็นสำคัญ (เคยได้รับรางวัล outstanding festival จากเวที Greener Festival แล้วด้วย) จุดเด่นภายในเทศกาลนี้คือการมีศูนย์อาหารแบบใช้ต้นทุนหมุนเวียน มีระบบจัดการของเสียให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง และใช้ถังขยะย่อยของเสียสุดไฮเทคทั่วทั้งพื้นที่ นั่นหมายความว่าผู้เข้าร่วมเทศกาล DGTL นี้จะสามารถสัมผัสประสบการณ์เทศกาลดนตรีที่มี ‘ของเสียเป็นศูนย์’ ได้อย่างเต็มรูปแบบ
FORM แอริโซน่า สหรัฐอเมริกา
วันที่ 8-12 พฤษภาคม
FORM คือเทศกาลดนตรีและพื้นที่สร้างประสบการณ์ที่ให้ความสำคัญเรื่อง restorative design (การออกแบบเพื่อฟื้นฟูสู่สภาพเดิม) เนื่องจากว่าเทศกาลนี้จัดในเมืองทดลอง Arcosanti (ออกแบบโดยสถาปนิก Paolo Soleri) เดิมเป็นพื้นที่ต้นแบบในการทดลองสร้างเงื่อนไขความเป็นเมืองที่ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและไม่ทำลายธรรมชาติ ดังนั้นทีมจัดการเทศกาลนี้จึงตั้งใจรักษาสมดุลเชิงนิเวศน์ของพื้นที่นี้ให้ไม่สูญเสียไปในระหว่างและภายหลังการจัดเทศกาล ซึ่งในงานประกอบไปด้วยการแสดงดนตรี คลาสโยคะ (สปอนเซอร์โดยเครือฟิตเนสชื่อดัง Equinox) รวมถึงมีแพลทฟอร์มการผลิตพอดแคสท์ในเทศกาล (สปอนเซอร์โดย Wetransfer)
We Love Green ปารีส ฝรั่งเศส
วันที่ 6-7 กรกฎาคม

We Love Green เป็นเทศกาลดนตรีที่มุ่งเป็นพื้นที่ทดลองทางศิลปะไปด้วย เป้าหมายหลักคือเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบ open source (โอเพ่นซอร์ส) เพื่อลดขั้นตอนการเข้าถึงองค์ความรู้และสาธิตการนำไปปฏิบัติอย่างได้ผล เทศกาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่อง carbon footprint อย่างมากจึงมีนโยบายให้ผู้เข้าร่วมเทศกาลปลูกต้นไม้คนละ 1 ต้น (ในปี 2019 We Love Green พาคนปลูกต้นไม้ไปได้กว่า 80,000 ต้น) ปีนี้ต้องมาติดตามกันว่าพวกเขาจะทุบสถิติเดิมได้หรือไม่
กลุ่ม Debut Festival: เปิดซิงน้องใหม่
เทศกาลในกลุ่มนี้จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2020 เป็นเสมือนพื้นที่ทดลองในการลงทุนต่อยอดกลยุทธ์ของแบรนด์ต่างๆ ที่มองกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ โดยคุณสามารถสังเกตพฤติกรรมและรูปแบบการสื่อสารที่คนรุ่นใหม่มีต่อเทศกาลเหล่านี้ได้
Limerick Electronic Arts Festival 2020 (LEAF) ลิมริค ไอร์แลนด์
วันที่ 10-13 กันยายน 2020

เทศกาลแรกที่จะพาคนรักดนตรี คนรักเกม และกลุ่มคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไปร่วมสำรวจวิถีการผลิตผลงานดนตรียุคใหม่ งานศิลปะดิจิทัล และเทคโนโลยีการจัดแสดงสุดว้าวเรื่อยไปถึงโลกของ e-sport การทำเพลงลงยูทูป การทำงานร่วมกันผ่านสื่อออนไลน์ ฯลฯ โดยในเทศกาลจะมีแบรนด์ชั้นแนวหน้าอย่าง Depop และ Sportify มาร่วมงาน ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหลากหลายจากเหล่าสปอนเซอร์ที่มีทั้งการเวิร์กช็อป การบรรยาย การแสดงสด ฯลฯ
Primavera Sound ลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา
วันที่ 19-20 กันยายน

เทศกาลนี้จัดต่อเนื่องในเมืองบาร์เซโลน่า (สเปน) มาตั้งแต่ปี 2001 จนในวาระครบรอบ 20 ปี ผู้จัดจึงนึกสนุกอยากทำเทศกาลนี้ในสหรัฐอเมริกาดูบ้าง Primavera Sound เป็นที่รู้จักดีในฐานะเทศกาลดนตรีอินดี้ร็อคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จุดเด่นคือเป็นเทศกาลดนตรีที่เจาะกลุ่ม Gen Z โดยในปีที่ผ่านมาเทศกาลนี้ได้ร่วมมือกับแอพลิเคชัน Lost&Found ที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเทศกาลสามารถระบุตำแหน่งของเพื่อนที่มาด้วยกันได้ผ่าน AR
กลุ่ม Creativity & Innovation: บนถนนของศิลปะและนวัตกรรม
เทศกาลในหมวดนี้แชร์ลักษณะพื้นฐานด้านการสร้างประสบการณ์ดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้าหากัน บ่มเพาะการแลกเปลี่ยนความคิดและความร่วมมือ และเน้นกิจกรรมที่ผู้ชมสามารถลงมือทำได้ มีส่วนร่วมได้ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เชิงประสบการณ์รวมถึงวัฒนธรรมการเรียนรู้รูปแบบใหม่ๆ
Lucidity ซานต้าบาร์บาร่า แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
วันที่ 10-12 เมษายน

เทศกาลนี้คือการเปิดพื้นที่โอเพ่นซอร์สสำหรับงานศิลปะและเป็นเทศกาลดนตรีที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้กลายเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์และสร้างผลงานศิลปะของตัวเอง กิจกรรมในเทศกาลระยะเวลาสามวันนี้ประกอบไปด้วยเวิร์กช็อปศิลปะดั้งเดิม การฟื้นฟูจิตวิญญาณ ฯลฯ โดยเทศกาลในปีนี้จะจัดขึ้นในธีม Regeneration Earth เน้นเรื่องระบบนิเวศน์และความเป็นมิตรกับครอบครัว
Sónar บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
วันที่ 18-20 มิถุนายน
Sónar คือเทศกาลที่รวมเอาสามสิ่งคือ ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกัน เปิดตัวครั้งแรกในปี 1994 เพื่อชวนทุกคนมาปลดล็อคศักยภาพด้านความคิด บุกเบิกกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงศิลปะและการทดลอง เทศกาล Sónar ประกอบด้วยสองเวทีใหญ่คือ Sónar by Day ซึ่งมีเวทีคอนเสิร์ต ไลฟ์ดีเจ โชว์เคสงานดิจิทัลอาร์ต และมีพื้นที่เน็ตเวิร์คกิ้งสำหรับภาคธุรกิจด้วย ส่วนอีกเวทีหนึ่งคือ Sónar by Night ที่ประกอบด้วยการแสดงดนตรีสด / ไลฟ์ดีเจ โดยในปี 2020 นี้จะมีไฮไลท์ใหม่ที่กิจกรรม SonarLab เป็นเวทีแสดงฝีมือของคนรุ่นใหม่ที่คัดสรรโดยดีเจรุ่นใหญ่โดยเฉพาะ
“ในขณะที่จำนวนเทศกาลใหม่ๆ เพิ่มสูงขึ้นทุกมุมโลก พื้นที่ในการจัดเทศกาลเหล่านี้กลับเริ่มลดขนาดลง และผู้จัดเทศกาลก็กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงกันมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นโอกาสอันดีของภาคธุรกิจที่กำลังมองหาพันธมิตรในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อตอบรับวิถีเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ที่กำลังเติบโตในโลกร่วมสมัย”
เครดิตภาพ: courtesy of the festivals