fbpx

Boonta Flower Cafe คาเฟ่ที่เล่าการเดินทางของดอกไม้

โอเอซิสในย่านบางกรวย สำหรับคนชอบดอกไม้ ที่บริหารคนทำงานแบบใจแลกใจ

ต้นไม้ดอกไม้ก็เหมือนคน  โตมาในสภาพแวดล้อมหรืออุณหภูมิที่พอเหมาะกับสายพันธุ์หรือตัวตนของตัวเองแบบไหน ก็ผลิดอกออกผลได้งดงามในแบบนั้น สำหรับฉันแล้ว ถ้าย้อนถึงชื่อของ ‘ดาษดา’ มันชวนให้นึกถึงภาพความทรงจำในอดีตของการพักผ่อนกับครอบครัวในรีสอร์ทกลางอาณาจักรดอกไม้ กระทั่งจนมาถึงบุญตา (Boonta) ซึ่งเป็นธุรกิจร้านกาแฟและร้านดอกไม้ที่แยกตัวออกมาจากดาษดา โดยแต่เดิมนั้น การแยกตัวออกมาทำธุรกิจในชื่อของบุญตา ตัวคุณฟาง (สุวดี บุญตานนท์) เจ้าของร้านเองตั้งใจแค่อยากจะทำร้านดอกไม้เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในส่วนของการซื้อปลีกให้มากขึ้น รวมทั้งมีบริเวณของห้องเย็นเก็บดอกไม้สำหรับเพื่อเป็นที่พักดอกไม้สำหรับเตรียมจัดส่งให้กับธุรกิจหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม ปากคลองตลาด และกลุ่มของออร์แกไนเซอร์ แต่ทำไปทำมา ในช่วงระหว่างการก่อสร้างร้านดอกไม้ ก็เกิดการขยายต่อเพิ่มเติมมาเป็นส่วนของร้านกาแฟในรูปแบบของ Boonta Flower café 

ความน่าสนใจของคาเฟ่ดอกไม้แห่งนี้ที่นอกไปจากการใช้ดอกไม้สดทั้งหมดในการจัดร้านบนพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งล้วนเป็นสายพันธุ์ที่ถูกคัดสรรมาจากต่างประเทศด้วยความยากลำบากสู่การนำมาพัฒนาสายพันธุ์ต่อโดยนำไปปลูกทั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี เชียงใหม่ และประเทศลาว คุณฟางยังมีแนวคิดในการบริหารคนว่า ‘ทำงานด้วยกันก็ต้องโตไปด้วยกัน’ พนักงานของที่นี่แต่ละคนเลยใช้ชีวิตอยู่กับองค์กรมายาวนานด้วยความผูกพัน ไม่ใช่แค่ด้วยเงิน แม่บ้านบางคนทำงานกับองค์กรมาตั้งแต่สมัยธุรกิจของดาษดาเพิ่งเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ จนมาถึงวันนี้ 15 ปีแล้ว แม่บ้านท่านนั้นมีตำแหน่งเป็นเซลล์ขายดอกไม้อยู่ในส่วนของ Boonta Flower Shop ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหน้าของตัวร้านกาแฟ 

“พี่ไม่ไปไหนหรอกจนกว่าคุณจะไล่ออก” ครั้งหนึ่ง แม่บ้านคนนั้นบอกกับคุณฟาง

 

ส่วนพนักงานอีกคนซึ่งหลังเรียนจบปริญญาตรีทางด้านเกษตรกรรมมาแล้ว ก็มาสมัครงานที่ดาษดาในตำแหน่งของนักจัดดอกไม้ จนปัจจุบันเธอมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของบุญตา ซึ่งนอกจากตำแหน่งนี้แล้ว เธอยังทำอาหารและทำขนมได้ด้วย น้องคนนี้บอกกับฉันว่า “ทุกวันนี้เวลามาทำงาน หนูไม่เคยนั่งมองนาฬิกาเลยนะว่าเมื่อไหร่จะห้าโมงเย็นสักที จะได้เลิกงาน หนูก็ทำของหนูไปเรื่อยๆ การทำงานที่นี่มันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต หนูรักที่นี่ เหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ” 

  และด้วยประโยคนี่ล่ะที่ทำให้ฉันยิ่งอยากรู้จักกับเจ้าของสถานที่เข้าไปใหญ่ คำพูดของน้องคนนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารได้ทันที

ให้ใจลูกน้องก็ได้ใจลูกน้องกลับ ใช้แต่งานลูกน้องก็ได้แค่งานจากลูกน้อง

ที่ Boonta Flower café  ซึ่งตั้งอยู่ในซอยบางกรวย ฉันมีนัดกับคุณฟาง ซึ่งวันที่เรานัดกันตรงกับวันอังคารพอดี และด้วยทุกวันจันทร์เป็นวันหยุดของร้าน พอเปิดมาเช้าวันอังคารจึงเป็นช่วงแห่งมหกรรมการจัดดอกไม้ในร้าน โดยเหล่าดอกไม้ที่ฟางและคุณลุง (ดร.ปวเรศ บุญตานนท์) ปลูกไว้ทั้งจากที่ประเทศลาว จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ จะถูกขนส่งเข้ามาที่บุญตาในทุกวันอังคารเพื่อใช้ตกแต่งทั้งในส่วนของร้านกาแฟและเพื่อจำหน่าย ซึ่งพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะแคชเชียร์ ผู้จัดการร้าน แม่บ้าน คนทำความสะอาด หรือแม้กระทั่งเชฟที่อยู่ในครัวจะออกมาช่วยกันทั้งเปลี่ยนและจัดดอกไม้ในโซนที่ตัวเองรับผิดชอบ

“พนักงานที่นี่ เรารับจากทัศนคติเป็นหลักค่ะ ทัศนคติสำคัญกว่าความเก่ง ฟางเชื่อว่าคนเราถ้ามีความพยายาม เขาสามารถที่จะเรียนรู้ทุกอย่างได้ อย่างพนักงานคนนึงของเราจบบัญชีเกียรตินิยมมาเลยนะคะ แต่เขามาขอทำเบเกอรี่ เราก็เอ๊ะ เธอจบเกียรตินิยมเลยนะ ทำไมไม่ทำบัญชีล่ะ เขาบอกหนูชอบทำเค้กค่ะ หนูอยากลองทำเบเกอรี่ เราก็เลยให้ทำ ทุกวันนี้เราดูแลคนทำงานทุกคนของเราเหมือนครอบครัว เพราะคิดดูว่าวันนึงเขาใช้เวลามาทำงานและอยู่กับเรามากกว่าอยู่บ้านอีกนะ เพราะฉะนั้นเราบอกเขาเลยว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มีปัญหาอะไรก็ต้องคุยกัน และต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง ไม่หยุดอยู่กับที่ ขณะที่ตัวฟางเองก็คงไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวได้ การมีทีมที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก”

คุณฟางโตมาในครอบครัวที่มีคุณแม่และคุณลุงซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ เพราะพ่อของคุณฟางเสียชีวิตตั้งแต่เธอเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย สมัยก่อน คุณลุงของคุณฟางซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งดาษดาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีฐานะค่อนข้างลำบากเสียด้วยซ้ำ จนสมัยเรียนหนังสือ คุณลุงสอบชิงทุนไปเรียนปริญญาเอกต่อที่ประเทศอังกฤษจนได้เป็นนักวิทยาศาสตร์กลับมา และพออายุประมาณสัก 24 ปี คุณลุงก็เริ่มลงทุนทำธุรกิจน้ำมันของตัวเองจากทุนเริ่มต้นแค่ประมาณสองแสนบาทจนประสบความสำเร็จ และด้วยความที่คุณลุงเป็นคนชอบดอกไม้ ชอบปลูกป่า พอปลูกดอกไม้ต้นไม้มากๆ เข้าก็เลยขยายเป็นธุรกิจในชื่อของดาษดาสมัยคุณฟางเด็กๆ เวลาคุณลุงไปไร่หรือต้องเดินทางไปจองสายพันธุ์ดอกไม้ที่เนเธอร์แลนด์ตกปีละครั้ง คุณลุงจะพาคุณฟางไปด้วย คุณลุงไม่เคยสอนอะไรคุณฟางตรงๆ แต่มักจะสอนผ่านการกระทำของตัวเอง คุณลุงไม่ใช้ของแบรนด์เนม แต่มักจะยอมจ่ายทีละมากๆ ไปกับสิ่งที่จะได้กลับมาซึ่งคุณค่าทางใจ

“ฟางว่ามันเหมือนรดน้ำต้นไม้นั่นละค่ะ เราซึมซับความเป็นคุณลุงมาตั้งแต่เด็ก คุณลุงไม่เคยหยุดทำงาน คุณลุงสอนให้เราเข้าใจถึงคำว่าชีวิตเราต้องมีค่า”

ว่าด้วยเรื่องของดอกไม้ที่บุญตาแล้ว เขา ‘ประคบประหงมกันเหมือนลูก’ ใช้ประโยคนี้ดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะด้วยสายพันธุ์ของดอกไม้ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมดอย่างไฮเดรนเยีย กล้วยไม้ฟาแลน คริสเซนติมัม เยอบีร่า แกลดิโอลัส หรือเดลฟิเนียม ซึ่งบางชนิดพอเอามาปลูกในไร่ที่เมืองไทย ก็ต้องปลูกในโรงเรือนติดแอร์แบบควบคุมอุณหภูมิได้ ซึ่งนอกจากเรื่องของโรงเรือนแล้ว ยังมีเรื่องของการควบคุมความชื้น กระบวนการควบคุมโรค รวมทั้งปุ๋ยของที่นี่เองก็ผ่านการลองผิดลองถูกมายาวนานจนได้ค้นพบสูตรปุ๋ยในแบบฉบับของตัวเองที่ทำให้พันธุ์ดอกไม้ที่ปลูกไว้นั้นสามารถอยู่ได้นานกว่าดอกไม้สายพันธุ์เดียวกันโดยทั่วๆไป เช่นกล้วยไม้ฟาแลนจากที่นี่ เมื่อซื้อกลับไปแล้ว จะสามารถอยู่ในแจกันได้นานถึง 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่ง

มนุษย์เรากำลังอยู่ในโลกของวัตถุและการแข่งขันแบบวัดกันที่ความเร็ว ใครโพสต์ก่อนชนะ และไอ้ความเร็วนี่ล่ะที่ทำให้ความละเอียดอ่อนในเนื้อหาของสรรพสิ่งรอบตัวที่ควรให้คุณค่ามันหายไป อันรวมไปถึงเรื่องของการซื้อดอกไม้หรืออาจเพียงหยิบดอกไม้ดอกเล็กๆ สักหนึ่งดอก ติดมือไปฝากคนที่เรากำลังจะเดินทางไปหา หรือแม้กระทั่งวันแห่งความรักเอง ก็ยังมีคนจำนวนนึงที่คิดว่า ‘ให้ดอกไม้เดี๋ยวก็ตาย ให้อย่างอื่นดีกว่า’ ทว่าหากคุณได้รู้ที่มาของการปลูกดอกไม้สักช่อหรือสักต้น คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ คุณอาจได้เข้าใจว่าการให้ดอกไม้กับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นแค่ดอกเล็กจิ๋วเดียวหรือผูกโบว์มาเป็นช่อใหญ่ ทั้งหมดคือการส่งต่อชีวิตที่ผลิดอกออกผลจากความเอาใจใส่ของเกษตรกรในพื้นที่ สำหรับ Boonta flower café และ Boonta flower shop แล้ว คุณฟางว่าที่นี่คือส่วนหนึ่งในห่วงโซ่ของระบบนิเวศ มันคือการเดินทางของดอกไม้จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“การให้ดอกไม้มันคือการให้ความสุขทางใจค่ะ กว่าจะได้แต่ละดอกที่เห็นอยู่ในร้านนี่ มันไม่ใช่มีแต่เงินแล้วทำได้ อย่างกล้วยไม้ฟาแลน เราใช้เวลาปลูกหนึ่งถึงสองปีกว่าจะได้ออกมาสักต้นนึง เคยมีคนมาซื้อดอกไม้แล้วขอต่อราคา ซึ่งเราก็ต้องพยายามอธิบายว่าดอกไม้ของเราทั้งหมดเป็นสายพันธุ์ที่นำมาจากต่างประเทศนะ กว่าจะทดลองกว่าจะปลูกจริงจนมันเติบโต ต้องผ่านกระบวนการหลายอย่างมาก คนสวนของเราเองซึ่งรายได้ต่อวันของเขาก็ไม่กี่ร้อยบาท แต่เขาต้องใช้แรงใช้เวลาไปมากมายกับการเฝ้าดูทนุถนอมเพื่อทำให้ดอกไม้สวยๆ แต่ละก้านแต่ละดอกได้มาอยู่ในมือคุณ มันมีทั้งขั้นตอนการตัดยอด การใส่ปุ๋ยพรวนดิน ประคบประหงมเหมือนดอกไม้คือคนๆ นึงเลยล่ะ หรือต้นไม้บางชนิดที่เป็นสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ซึ่งกลางคืนของเขามันจะยาวกว่ากลางวัน เราก็ต้องหลอกดอกไม้ในโรงเรือนด้วยการ black out และไหนจะตัวแปรภายนอกอีกอย่างเช่นเรื่องของสภาพภูมิอากาศ ทั้งหมดต้องอาศัยความเข้าใจ อาศัยประสบการณ์และการให้ใจกับดอกไม้ของผู้ปลูก เพราะดอกไม้สดมันไม่ใช่ข้าวของแบบสูตรสำเร็จที่ผลิตกันมาจากโรงงาน

ในส่วนของบุญตาเอง เราถือว่าที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศของเรา ผลผลิตของเราทุกต้นทุกดอก มันเริ่มต้นมาจากการหาสายพันธุ์มาจากต่างประเทศว่าเราจะปลูกอะไร ต้องมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอีกสักปีสองปีข้างหน้า ดอกไม้สายพันธุ์ใดน่าจะเป็นที่นิยม ฟางกับคุณลุงจะต้องเดินทางไปซื้อสายพันธุ์ดอกไม้ที่เนเธอร์แลนด์ทุกปี และหลังจากที่ซื้อมาแล้ว เราก็ต้องมีการทดลองปลูกก่อนและถึงจะค่อยปลูกจริงได้ ซึ่งดอกไม้ส่วนใหญ่ของเราจะปลูกไว้ที่ลาวและบางส่วนก็ปลูกที่เชียงใหม่ มันเลยมีเรื่องของระยะทางที่เราต้องแพลนในเรื่องการขนส่งว่าจะทำยังไงให้ได้ราคาดีที่สุด คุ้มที่สุด และดอกไม้ต้องไม่เสียหาย จนพอมาถึงหน้าร้านเราก็ต้องคิดต่อว่าเราจะขาย wholesale ยังไง ขายลูกค้ากลุ่มไหนบ้าง และพอเป็นกลุ่มของลูกค้าปลีก มันก็จะมีเรื่องของการออกแบบสำหรับเทศกาลโดยเฉพาะ มีการจัดช่อผูกโบว์ ต้องทำแบรนด์ดิ้งใส่เข้าไป กระทั่งมาถึงในส่วนของอาหารหรือขนมที่อยู่ในเมนูของร้านกาแฟเอง ซึ่งฟางถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ถึงตัวผู้บริโภคแบบ direct สุดๆ เพราะขนมและอาหารทุกจานของเราจะมีดอกไม้เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และตอนนี้เราก็กำลังทดลองปลูกดอกไม้กินได้อยู่หลายชนิดซึ่งต้นทุนสูงมาก คืออยากบอกว่าขายดอกไม้ มันไม่ได้กำไรอะไรมากมายหรอกค่ะ”

สำหรับฉันแล้ว การเปิดธุรกิจร้านกาแฟมันไม่ได้ยากหรอก แต่ที่ยากกว่าคือจะทำยังไงให้ธุรกิจร้านกาแฟที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแค่ความงามในเรื่องของการตกแต่งหรือกระแสที่ฉาบฉวยแบบแวะมาเช็กอินแล้วจากไป จะทำยังไงให้ธุรกิจอยู่ได้จริง อยู่ได้นาน ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยจำนวนความถี่ของรูปถ่ายจากอินฟลูเอ็นเซอร์ที่หยิบไปโพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเท่าที่ฉันสัมผัสกับบุญตาด้วยตัวเองแล้ว ทั้ง Boonta Flowers and café และ Boonta flower shop ไม่ใช่แค่คาเฟ่ดอกไม้หรือร้านขายดอกไม้เก๋ๆ แต่ทั้งมุมมองในการใช้ชีวิตและการบริหารคนทำงานของเจ้าของธุรกิจ ความตั้งใจของพนักงาน การเดินทางของดอกไม้ตั้งแต่การออกตามหาสายพันธุ์กระทั่งจนกลายมาเป็นช่ออยู่ในอ้อมแขนของลูกค้า การกระจายรายได้ให้กับชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ ล้วนเป็นคำตอบที่บอกได้ด้วยตัวมันเองทั้งหมดแล้ว บุญตาคืออาหารตาอาหารใจ คือคุณค่าทางจิตใจที่นับวันมนุษย์ดูจะให้ความสำคัญน้อยลงไปทุกที

Boonta Flowers and Cafe ตั้งอยู่ที่ซอยตาแหวน เขตบางกรวย เปิดเวลา 11.00-17.00 น. (อังคารถึงศุกร์) และ 11.00-20.00 น. (เสาร์และอาทิตย์) หยุดทุกวันจันทร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เพจ Boonta Flowers and Cafe

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on pinterest

More to explore

แผลเก่า:Old Wound แผลเดิมในเรื่องเล่า ที่ยังเป็นแผลสดของพล็อตสังคมไทย

นิทรรศการ แผลเก่า / Old Wound นิทรรศการเดี่ยวโดย ประทีป สุธาทองไทย ศิลปินนักตั้งคำถาม ผู้ซ่อนบทสนทนาทางสังคมไว้ในงานเสมอ

“Yesterday I Was, Tomorrow I Will Be” นิทรรศการแห่งความฝันและความสำเร็จของ “Pomme Chan”

ก้าวสู่โลกที่เปี่ยมไปด้วยแพชชั่น ผ่านผลงานศิลปะตั้งแต่ชิ้นแรกที่น้อยคนจะได้เห็น สู่วันที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพร่วมระยะเวลา 20 ปี